รุ่นพี่สอนรุ่นน้องคิดเกรด
รุ่นน้องเกรดน้อย
รุ่นพี่สอนคิดเกรด
ว่าอย่างน้อยต้องได้เท่าไร
ถึงจะได้ “ไปต่อ”
รุ่นน้องเกรดน้อย
รุ่นพี่สอนคิดเกรด
ว่าอย่างน้อยต้องได้เท่าไร
ถึงจะได้ “ไปต่อ”
รู้งี้ไม่กล้าเร่งเด็กให้เรียนกวดวิชาแต่เล็กล่ะ
กลัวเด็ก .. หยุดเรียนรู้
กลัวเด็ก .. ทำงานร่วมกับผู้อื่นไม่ได้
กลัวเด็ก .. ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง
กลัวเด็ก .. ขาดความคิดสร้างสรรค์
พบเด็กที่ไหนมีลักษณะ 4 ประการนี้
“สงสัยพ่อแม่ส่งเรียนพิเศษแต่เล็กแต่น้อย แน่เลย”
อาจารย์มหาวิทยาลัย ลองไปถามเด็ก ๆ 4 ลักษณะนี้
ว่าสมัยเด็กเรียนหนักไหม .. เดาคำตอบได้เลย
—
ข้อความบรรยายประกอบภาพ
จาก FB ของ “ห้องเรียนแห่งอนาคต J-Sharp Future Classroom“
การเร่งให้เด็กกวดวิชา อาจส่งผลเสียมากกว่าดีนะคะ…
ผู้ปกครองหลายคน อาจคิดว่า “ทักษะการเรียนรู้” คือ
การท่องจำได้มาก หรือสอบได้คะแนนดี ๆ
แต่แท้ที่จริงแล้ว “ทักษะการเรียนรู้” คือ
ทักษะที่สำคัญ หากอยากรู้อะไรก็สามารถค้นหาได้เอง
ไม่ต้องรอให้ครูหรือใคร ๆ มาป้อนสิ่งเหล่านั้นให้ตลอด
ทักษะนี้จำเป็นต่อการเรียนและการทำงานในอนาคตมาก
—
ขอบพระคุณข้อมูลจาก บทความ เด็กปฐมวัยเรียนอย่างไรจึงเหมาะสม
โดย สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.)
https://www.facebook.com/wiriyah/posts/1079447965426797
https://www.facebook.com/jsfutureclassroom/photos/a.157512717678102.34697.114344381994936/995149297247769/
ก็ สกอ.เห็นว่า หลายมหาวิทยาลัยมีปัญหาธรรมาภิบาล
แต่ทุกมหาวิทยาลัยประเมินตนเองได้คะแนนธรรมาภิบาลผ่านเกือบทุกสถาบัน
(ที่ไม่ผ่านก็ยังไม่เห็น แต่อาจมี)
อ่านที่ ศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ และ น.ส.อาภรณ์ แก่นวงศ์ แสดงทัศนะไว้ในสื่อ
เห็นว่าน่าสนใจจึงนำไปทำเว็บเพจแกะประเด็นทั้ง 10 ของธรรมาภิบาล
เตรียมเล่าให้ลูกศิษย์ฟัง
ที่ http://www.thaiall.com/ethics/governance.htm
—
หลังเกิดเหตุ ดอกเตอร์ทำร้ายกันในสถาบันการศึกษา เมื่อเช้า 18 พ.ค.59 และยิงตัวตายเย็น 19 พ.ค.59 จนเป็นเหตุให้ดอกเตอร์เสียชีวิตรวม 3 คน ก็มีการหยิบประเด็นธรรมาภิบาลขึ้นมาพูดคุยในแวดวงการศึกษา เรื่อง หลักธรรมาภิบาล ซึ่งประเด็นนี้เป็นเกณฑ์ประกันคุณภาพการศึกษาระดับอุดมศึกษา ของคณะวิชา และสถาบันสำหรับทุกสถาบันการศึกษา มาตั้งแต่ปี 2553 ตามคู่มือมีตัวบ่งชี้ 7.1 เกณฑ์ที่ 6 หน้า 83 “ผู้บริหารบริหารงานด้วยหลักธรรมาภิบาล โดยคำนึงถึงประโยชน์ของสถาบันและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย” ส่วนปี 2557 ตามคู่มือมีตัวบ่งชี้ 5.1 เกณฑ์ที่ 4 หน้า 120 และ 142 ของคณะและสถาบันเหมือนกันว่า “บริหารงานด้วยหลักธรรมาภิบาลอย่างครบถ้วนทั้ง 10 ประการที่อธิบายการดำเนินงานอย่างชัดเจน” ซึ่งคะแนนส่วนนี้ ทุกสถาบันการศึกษาได้คะแนนเต็มเกือบทุกสถาบัน
—
ต่อมา 24 พ.ค.59
พบใน posttoday.com ว่า รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ เลขาธิการศูนย์ประสานงานบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ (CHES) วิเคราะห์ว่า การเสียชีวิตของด็อกเตอร์ทั้ง 3 คน ซึ่งสังคมส่วนใหญ่มองว่าเป็นความขัดแย้งส่วนตัว แต่ในฐานะผู้ทำงานช่วยเหลือบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐมานานกว่า 10 ปี เขาเชื่อว่า ต้นตอแท้จริงมาจากระบบการบริหารจัดการที่ขาดหลักธรรมาภิบาล
http://www.posttoday.com/analysis/interview/433596
—
ต่อมา 25 พ.ค.59
พบใน dailynews.co.th ว่า น.ส.อาภรณ์ แก่นวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยถึงปัญหาธรรมาภิบาลในมหาวิทยาลัยว่า ปัจจุบันหลายมหาวิทยาลัยมีปัญหาธรรมาภิบาล ดูได้จากข้อร้องเรียนต่าง ๆ ทั้งที่เป็นความขัดแย้งระหว่างสภามหาวิทยาลัยกับผู้บริหาร, ผู้บริหารกับบุคลากร หรือเรื่องหลักสูตรการเรียนการสอนไม่มีคุณภาพ แต่หากทุกคนในมหาวิทยาลัยยึดหลักธรรมาภิบาลในการทำงาน ปัญหาก็จะไม่เกิด ซึ่งที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) ก็พยายามส่งเสริมให้ทุกมหาวิทยาลัยมีธรรมาภิบาล โดยมีทั้งหลักสูตรพัฒนาผู้บริหารมหาวิทยาลัย และบุคลากร แต่ต้องยอมรับว่าเรื่องธรรมาภิบาลเป็นเรื่องบุคคล และการเปลี่ยนแปลงก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
http://www.dailynews.co.th/education/399997
ดอกเตอร์ที่เป็นข่าวเขียนบันทึกไว้หลายหน้า อ่านแล้วก็ทำให้ตระหนัก
มีหัวข้อหนึ่งเกี่ยวกับเรื่อง การประชุมกรรมการหลักสูตรมีเรื่องต้องพิจารณา
ซึ่งมีประเด็นที่ท่านห่วง พอสรุปได้ดังนี้
– กำหนดแผนการศึกษาที่เข้าใหม่แต่ละเทอม [3+4]
– จัดตารางสอนของนักศึกษาใหม่ในเทอมแรก [3+4]
– การอนุมัติหัวข้อวิทยานิพนธ์/การค้นคว้าอิสระ [3.2]
– ทบทวนการจัดการเรียนการสอนที่ผ่านมา [5.3]
—
สำหรับเลขที่ต่อท้ายประเด็นข้างต้น มีความหมายดังนี้
เลข 3+4 สอดรับกับ องค์ประกอบนักศึกษา และอาจารย์
เลข 3.2 สอดรับกับตัวบ่งชี้ การส่งเสริมและพัฒนานักศึกษา
เลข 5.3 สอดรับกับตัวบ่งชี้ การประเมินผู้เรียน รวมถึงกำกับการทำ มคอ.7
แล้วก็ไปอ่านเรื่องที่ รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ เลขาธิการศูนย์ประสานงานบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ (CHES)
ท่านได้วิเคราะห์ว่า “ต้นตอแท้จริงมาจากระบบการบริหารจัดการที่ขาดหลักธรรมาภิบาล”
http://www.posttoday.com/analysis/interview/433596
แล้ว หลักธรรมมาภิบาล มี 10 ข้อ
เป็นตัวบ่งชี้ระดับสถาบัน ตัวบ่งชี้ 5.1 เกณฑ์ที่ 4
เป็นตัวบ่งชี้ระดับคณะ ตัวบ่งชี้ 5.1 เกณฑ์ที่ 4
ซึ่งหลักธรรมาภิบาลอยู่ในคู่มือประกัน หน้า 40 และยากทุกข้อเลย
http://www.thaiall.com/blog/burin/7452/
—
งานประชุมที่ท่านพูดถึงถ้าไม่ทำก็ไม่ได้คะแนน
การได้คะแนนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ
การให้คะแนนตามเกณฑ์ระบบมี 5 ระดับคะแนน
คะแนน 1 มีระบบ มีกลไก
คะแนน 2 มีการนำระบบกลไกไปสู่การปฏิบัติ/ดำเนินการ มีการประเมินกระบวนการ
คะแนน 3 มีการปรับปรุง/พัฒนา/กระบวนการจากผลการประเมิน
คะแนน 4 มีผลจากการปรับปรุงเห็นชัดเจนเป็นรูปธรรม
คะแนน 5 มีแนวทางปฏิบัติที่ดี โดยมีหลักฐานเชิงประจักษ์ยืนยัน
และกรรมการผู้ตรวจประเมินสามารถให้เหตุผลอธิบายการเป็นแนวปฏิบัติที่ดีได้ชัดเจน
หากจะทำเป็นระบบกันจริง ๆ ก็มีตัวบ่งชี้ระบบ ซึ่ง สกอ. คิดขึ้นมา
ประเด็นที่ต้องมีระบบ ในทั้งหมด 7 ตัวบ่งชี้จาก 13 ตัวบ่งชี้ของหลักสูตร
3.1 การรับนักศึกษา และการเตรียมก่อนเข้าศึกษา
3.2 การควบคุมดูแลให้คำปรึกษา และพัฒนาศักยภาพศตวรรษที่ 21
4.1 ระบบการรับและแต่งตั้งอาจารย์ประจำหลักสูตร
ระบบการบริหารอาจารย์ และระบบการส่งเสริมและพัฒนาอาจารย์
5.1 ระบบควบคุมการออกแบบ และสาระรายวิชาในหลักสูตรให้ทันสมัย
5.2 ระบบผู้สอน กำกับ ติดตาม การบูรณาการพันธกิจ
การควบคุมหัวข้อ อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ และการช่วยเหลือตีพิมพ์
5.3 ระบบการประเมินผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิฯ
6.1 ระบบการดำเนินงานของภาควิชา/คณะ/สถาบันโดยมีส่วนร่วมของอาจารย์ประจำหลักสูตรเพื่อให้มีสิ่งสนับสนุนการเรียนรู้
เมื่อวันนี้ 18 พฤษภาคม 2559 9.00 – 16.00 นักศึกษาทุกชั้นปี ทุกคณะ ไปรวมตัวกันที่ห้อง Auditorium แต่งตัวเรียบร้อย เตรียมการนำเสนอเต็มรูปแบบ พร้อมสำหรับวิชากิจกรรม ของ อ.ธวัชชัย แสนชมภู วิชาบริหารของ อ.วีระพันธ์ แก้วรัตน์ มีการเชิญผู้ทรงคุณวุฒิจากข้างนอกมาเป็น Commentator อาทิ อ.สันติ เขียวอุไร ร่วมกับ Commentator ที่เป็นตัวแทนคณะวิชาต่าง ๆ รุ่นพี่แบ่งเป็นสองทีม นำเสนอได้เข้มข้น เหมือน Thailand Got Talent ซีซั่นเนชั่น ผู้นำแต่ละทีม คือ นายนิกร ชมชื่น และน.ส.รมิดา เลิศธนกร สาขาวิชาการบัญชี ช่วงบ่าย ๆ จะเป็นการนำเสนอของนักศึกษาปี 1 ในวิชาการเรียนรู้ผ่านกิจกรรม (LEAC 200) ที่มีกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดภาคการศึกษา อาทิ สืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามให้อยู่คู่สังคมไทย เรารักม่อนพระยาแช่
http://www.chiangmainews.co.th/page/archives/478782
การเรียนการสอนแบบ Active Learning คือ กระบวนการจัดการเรียนการสอนเชิงรุก ที่เน้นให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กับกิจกรรมการเรียนรู้ ผ่านการลงมือทำที่ต้องปฏิบัติด้วยตนเอง เพื่อให้ได้ผลการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งมีหลายรูปแบบ ดังนี้ แบบที่ 1) รูปแบบการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเป็นฐาน (Activity-Based Learning) เช่น สำรวจ เสาะหา ค้นคว้า สร้างสรรค์ เกมการแข่งขัน แลกเปลี่ยน แสดงออก นำเสนอ โดย เน้นให้ผู้เรียนได้ใช้ความรู้ และทักษะเดิม มาทำให้กิจกรรมเพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ แบบที่ 2) รูปแบบการเรียนรู้เชิงประสบการณ์ (Experiential Learning) เช่น ลงมือปฎิบัติ ทดลอง ทดสอบ การพูด การอ่าน การเขียน บทบาทสมมติ วิเคราะห์ สังเคราะห์ และอภิปรายผล โดย เน้นให้ผู้เรียนต้องลงมือปฏิบัติ ให้ได้ทักษะ ประสบการณ์ ความรู้ใหม่ หรือการเรียนรู้เรื่องใหม่ แบบที่ 3) รูปแบบการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-Based Learning) เช่น การใช้ปัญหาเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้เรียนตั้งสมมติฐาน หาสาเหตุ เชื่อมโยงเรื่องราว หาแนวทางการแก้ปัญหา ดำเนินการแก้ปัญหา และหาคำตอบ โดย เน้นให้ผู้เรียนกำหนดปัญหาขึ้น หาวิธีแก้ไข ดำเนินการ และสรุปผลได้ แบบที่ 4) รูปแบบการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน (Project-Based Learning) เช่น กำหนดประเด็นงานตามความสนใจแล้วนำเสนอ ฝึกทำงานร่วมกันเชิงบูรณาการและวางแผน รู้จักใช้แหล่งข้อมูลแล้วจึงปฏิบัติ สร้างผลผลิตแล้วประเมินผล และนำเสนอ โดย เน้นให้ผู้เรียนต้องกำหนดประเด็น แผนงาน และดำเนินงานตามแผนอย่างเป็นระบบ แบบที่ 5) รูปแบบการเรียนรู้ผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์หรือวิธีวิจัยหรือใช้วิจัยเป็นฐาน (RBL = Research-Based Learning) เช่น (1) การเรียนรู้ผลการวิจัย/ใช้ผลการวิจัยประกอบการสอน (2) การเรียนรู้จากการศึกษางานวิจัย/การสังเคราะห์งานวิจัย (3) การเรียนรู้ที่ใช้กระบวนการวิจัยเป็นกระบวนการเรียนการสอน ประกอบด้วย (ก) การเรียนรู้วิชาวิจัย/วิธีทำวิจัย (ข) การเรียนรู้จากการทำวิจัย/รายงานเชิงวิจัย (ค) การเรียนรู้จากการทำวิจัย/ร่วมทำโครงการวิจัย (ง) การเรียนรู้จากการทำวิจัย/วิจัยขนาดเล็ก และ (จ) การเรียนรู้จากการทำวิจัย/วิทยานิพนธ์
ขั้นตอนการสอนเชิงรุก (Active Learning) มีดังนี้ 1) ขั้นกระตุ้นความสนใจ 2) ขั้นสำรวจและค้นหา 3) ขั้นอภิปรายและลงข้อสรุป 4) ขั้นสร้างผลผลิตของความเข้าใจ 5) ขั้นสะท้อนผลผ่านชุมชนแหล่งการเรียนรู้ ซึ่งคำว่า ชุมชน (Community) นั้นจำแนกได้หลายระดับ ได้แก่ ในห้องเรียน ในระดับชั้น ในโรงเรียน ในจังหวัด ในภาค ในประเทศ ในต่างประเทศ ในการประชุมวิชาการ ในวารสาร หรือในสื่อสังคม ที่เปิดให้มีการนำเสนอผลผลิต รับข้อซักถาม การโต้แย้ง ชี้ประเด็นที่น่าสนใจ หรือมีข้อเสนอเพื่อการพัฒนาต่อยอดจากชุมชน
มีนาคม – เมษายน
เห็นบ่นเรื่องชาวบ้าน
เผาป่าเพื่อเกษตรบ้าง เก็บของป่าบ้าง
พฤษภาคม
หลังฝนตก เค้าก็เก็บของป่ามาขาย ก็ซื้อเค้าแพง ๆ
ซื้อกันแบบ ไม่เกี่ยงราคา ของหายาก
.. ปีหน้าก็บ่นกันใหม่ บ่นกันทุกปี ติดต่อกันมาหลายปีล่ะ
ถ้าชาวบ้านเข้าป่า เผาป่า
เพื่อหาผักหวาน กับเห็ดเผาะมาขายให้เรา
ปีนี้เราหยุดซื้อผักหวาน กับเห็ดเผาะจากคนเผาป่า
ปีหน้า ชาวบ้านจะไปเผาป่า
หาผักหวาน กับเห็ดเผาะมาขายให้ใคร
ปล. เดี๋ยวนี้ มีการทำเกษตรปลูกผักหวานได้แล้ว
อุดหนุนเกษตรกรได้ แต่อย่าอุดหนุนคนเผาป่า
เคยมีนักวิชาการบอกว่า
เรามีงานวิจัยมากมาย เรื่องเผาป่า
ที่เกิดในภาคเหนือ อีสาน ว่ามาสาเหตุจากการหาเห็ดเผาะ กับ ผักหวาน
แต่ปัญหาก็ยังเกิดขึ้นซ้ำซาก และทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี
https://prachatai.com/journal/2012/03/39505
http://www.phitsanulokhotnews.com/2016/05/16/85606
สาเหตุของการเกิดไฟป่า
ไฟป่าเกิดจาก 2 สาเหตุ
1. เกิดจากธรรมชาติ
ไฟป่าที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ เช่นฟ้าผ่า กิ่งไม้เสียดสีกัน ภูเขาไฟระเบิด ก้อนหินกระทบกัน แสงแดดตกกระทบผลึกหิน แสงแดดส่องผ่านหยดน้ำ ปฏิกริยาเคมีในดินป่าพรุ การลุกไหม้ในตัวเองของสิ่งมีชีวิต (Spontaneous Combustion) แต่สาเหตุที่สำคัญ คือ
1.1 ฟ้าผ่า เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดไฟป่าในเขตอบอุ่น ในประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศแคนาดา (ภาพที่ 1.7) พบว่ากว่าครึ่งหนึ่งของไฟป่าที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากฟ้าผ่า ทั้งนี้โดยที่ฟ้าผ่าแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
(1) ฟ้าผ่าแห้ง (Dry or Red Lightning) คือฟ้าผ่าที่เกิดขึ้นในขณะที่ไม่มีฝนตก มักเกิดในช่วงฤดูแล้ง สายฟ้าจะเป็นสีแดง เกิดจากเมฆที่เรียกว่าเมฆฟ้าผ่า ซึ่งเมฆดังกล่าวจะมีแนวการเคลื่อนตัวที่แน่นอนเป็นประจำทุกปี ฟ้าผ่าแห้งเป็นสาเหตุสำคัญของไฟป่าในเขตอบอุ่น
(2) ฟ้าผ่าเปียก (Wet or Blue Lightning) คือฟ้าผ่าที่เกิดควบคู่ไปกับการเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง (Thunderstorm) ดังนั้นประกายไฟที่เกิดจากฟ้าผ่าจึงมักไม่ทำให้เกิดไฟไหม้ หรืออาจเกิดได้บ้างแต่ไม่ลุกลามไปไกล เนื่องจากความชื้นสัมพัทธ์และความชื้นของเชื้อเพลิงสูง ฟ้าผ่าในเขตร้อนรวมถึงประเทศไทยมักจะเป็นฟ้าผ่าเปียก จึงแทบจะไม่เป็นสาเหตุของไฟป่าในเขตร้อนนี้เลย
1.2 กิ่งไม้เสียดสีกัน อาจเกิดขึ้นได้ในพื้นที่ป่าที่มีไม้ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่นและมีสภาพอากาศแห้งจัด เช่น ในป่าไผ่หรือป่าสน
2. สาเหตุจากมนุษย์
ไฟป่าที่เกิดในประเทศกำลังพัฒนาในเขตร้อนส่วนใหญ่จะมีสาเหตุมาจากกิจกรรมของมนุษย์ สำหรับประเทศไทยจากการเก็บสถิติไฟป่าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528-2542 ซึ่งมีสถิติไฟป่าทั้งสิ้น 73,630 ครั้ง พบว่าเกิดจากสาเหตุตามธรรมชาติคือฟ้าผ่าเพียง 4 ครั้ง เท่านั้น คือเกิดที่ภูกระดึง จังหวัดเลย ที่ห้วยน้ำดัง จังหวัดเชียงใหม่ ที่ท่าแซะ จังหวัดชุมพร และที่เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา แห่งละหนึ่งครั้ง ดังนั้นจึงถือได้ว่าไฟป่าในประเทศไทยทั้งหมดเกิดจากการกระทำของคน โดยมีสาเหตุต่างๆ กันไป ได้แก่
2.1 เก็บหาของป่า เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดไฟป่ามากที่สุด การเก็บหาของป่าส่วนใหญ่ได้แก่ ไข่มดแดง เห็ด ใบตองตึง ไม้ไผ่ น้ำผึ้ง ผักหวาน และไม้ฟืน การจุดไฟส่วนใหญ่เพื่อให้พื้นป่าโล่ง เดินสะดวก หรือให้แสงสว่างในระหว่างการเดินทางผ่านป่าในเวลากลางคืน หรือจุดเพื่อกระตุ้นการงอกของเห็ด หรือกระตุ้นการแตกใบใหม่ของผักหวานและใบตองตึง หรือจุดเพื่อไล่ตัวมดแดงออกจากรัง รมควันไล่ผึ้ง หรือไล่แมลงต่างๆ ในขณะที่อยู่ในป่า
2.2 เผาไร่ เป็นสาเหตุที่สำคัญรองลงมา การเผาไร่ก็เพื่อกำจัดวัชพืชหรือเศษซากพืชที่เหลืออยู่ภายหลังการเก็บเกี่ยว ทั้งนี้เพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูกในรอบต่อไป ทั้งนี้โดยปราศจากการทำแนวกันไฟและปราศจากการควบคุม ไฟจึงลามเข้าป่าที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง
2.3 แกล้งจุด ในกรณีที่ประชาชนในพื้นที่มีปัญหาความขัดแย้งกับหน่วยงานของรัฐในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเรื่องที่ทำกินหรือถูกจับกุมจากการกระทำผิดในเรื่องป่าไม้ ก็มักจะหาทางแก้แค้นเจ้าหน้าที่ด้วยการเผาป่า
2.4 ความประมาท เกิดจากการเข้าไปพักแรมในป่า ก่อกองไฟแล้วลืมดับ หรือทิ้งก้นบุหรี่ลงบนพื้นป่า เป็นต้น
2.5 ล่าสัตว์ โดยใช้วิธีไล่เหล่า คือจุดไฟไล่ให้สัตว์หนีออกจากที่ซ่อน หรือจุดไฟเพื่อให้แมลงบินหนีไฟ นกชนิดต่างๆ จะบินมากินแมลง แล้วดักยิงนกอีกทอดหนึ่ง หรือจุดไฟเผาทุ่งหญ้า เพื่อให้หญ้าใหม่แตกระบัด ล่อให้สัตว์ชนิดต่างๆ เช่น กระทิง กวาง กระต่าย มากินหญ้า แล้วดักรอยิงสัตว์นั้นๆ
2.6 เลี้ยงปศุสัตว์ ประชาชนที่เลี้ยงปศุสัตว์แบบปล่อยให้หากินเองตามธรรมชาติ มักลักลอบจุดไฟเผาป่าให้โล่งมีสภาพเป็นทุ่งหญ้าเพื่อเป็นแหล่งอาหารสัตว์
2.7 ความคึกคะนอง บางครั้งการจุดไฟเผาป่าเกิดจากความคึกคะนองของผู้จุด โดยไม่มีวัตถุประสงค์ใดๆ แต่จุดเล่นเพื่อความสนุกสนาน เท่านั้น
เหตุเกิดประมาณ 9 โมง วันที่ 18 พ.ค.59 ตามข่าวทราบว่า
ที่ ห้องพุทธวิชชาลัย ชั้น 5 อาคารเรียนรวมและศูนย์วัฒนธรรม ม.ราชภัฎพระนคร
เหตุเกิดในระหว่างสอบภาคนิพนธ์ของนักศึกษาปริญญาโท ในห้องมีรวมกัน 5 คน
คือ อาจารย์ 3 ท่าน และนักศึกษา 1 คน กับเพื่อนนักศึกษาอีก 1 ท่าน
ชื่อเดิมคณะคุรุศาสตร์ เปลี่ยนเป็น วิทยาลัยการฝึกหัดครู
อาจารย์ผู้ก่อเหตุมีปัญหากับประธานสอบมาก่อน
เข้ามาแล้วก็ยิงอาจารย์ทั้ง 2 ท่านจนเสียชีวิต
คือ ผศ.ดร.พิชัย ไชยสงคราม อายุ 56 ปี
กศ.บ.(การบริหารการศึกษา), กศ.ม. (การศึกษาผู้ใหญ่), Ph.D.(Development Education)
ประธานสาขาวิชาบริหารการศึกษาบัณฑิตวิทยาลัย มรภ.พระนคร
และ ดร.ณัฐพล ชุมวรฐายี อายุ 54 ปี
ค.บ. (อุตสาหกรรมศิลป์), พณ.ม. (พัฒนาสังคม), กศ.ด. (การบริหารการศึกษา)
ผอ.สำนักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียน มรภ.พระนคร
ตามข่าวทราบว่า ดร.วันชัย ดนัยตโมนุท อายุ 60 ปี
กศ.บ. (ฟิสิกส์), วท.ม. (การวิจัยพฤติกรรมศาสตร์ประยุกต์), ศษ.ด.(บริหารการศึกษา)
อาจารย์ประจำวิทยาลัยการฝึกหัดครู สาขาบริหารการศึกษา หลักสูตรปริญญาโท มรภ.พระนคร
เป็นผู้ก่อเหตุยิงอาจารย์ทั้ง 2 ท่าน
แล้วยิงตนเองจนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2559 ที่โรงแรมสุภาพ กทม.
+ http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1463544579
+ http://www.dailynews.co.th/crime/398329
+ https://www.facebook.com/matichonweekly/photos/a.494435107250507.121360.127655640595124/1300938559933487/
+ http://news.mthai.com/hot-news/general-news/495802.html
+ http://www.nationtv.tv/main/content/crime/378502109/
ระบบการเสนอข่าวดอกเตอร์เสียชีวิต (itinlife553)
เหตุการณ์ที่อาจารย์ดอกเตอร์ทั้ง 3 เสียชีวิตเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2559 นั้น เหตุเกิดครั้งแรกที่ห้องสอบหัวข้อวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโทในสถาบันการศึกษา การนำเสนอข่าวครั้งแรกทำให้มีข้อสงสัยว่าปัญหานั้นเกิดจากการถกเถียงกันระหว่างกรรมการสอบที่ร่วมกันพิจารณาผลงานนักศึกษาในประเด็นที่มาของปัญหา วัตถุประสงค์ วรรณกรรมอ้างอิง กรอบแนวคิด วิธีวิทยา เครื่องมือวิจัย การเก็บข้อมูล ผลการศึกษา หรือการเขียนรายงานสรุปผลหรือไม่ หากเป็นจริงแล้วเหตุการณ์ก็จะเกิดจากความมีอัตตาในบุคลากรทางการศึกษา
หลังตำรวจพบว่าผู้ก่อเหตุและพยายามเจรจาให้จบลงด้วยดี ระหว่างนั้นก็มีการเสนอข่าวด้วยการถ่ายทอดสด ที่มีลักษณะที่เป็นการนำเสนอเนื้อหารายการที่อาจเข้าข่ายมีพฤติกรรมแสดงออกถึงความรุนแรง เป็นการถ่ายทอดสด การฆ่าตัวตาย จนมีหนังสือตักเตือนทั้งด้วยวาจา และหนังสือไปยังสื่อที่ถ่ายทอดสดว่าให้ระมัดระวัง เพราะมีผลกระทบต่อการให้เกิดความเสื่อมทรามทางจิตใจหรือสุขภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง อาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย ในมาตรา 37 หมวด 2 ของ พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 แต่ระบบและกลไกในระดับสถานีโทรทัศน์ก็ยังเป็นประเด็นคำถามว่าต้องทำอย่างไร จึงจะเหมาะสม
เนื่องจากระบบและกลไกจะถูกใช้ในเหตุการณ์ปกติ แล้วระบบและกลไกของเหตุการณ์นี้ควรเป็นแบบใด ในเมื่อเป็นเรื่องที่สังคมกำลังจับจ้อง สะท้อนความจริงของสังคม วินาทีใดระหว่างรายงานที่ควรตัดจากการถ่ายทอดสดเข้าไปในสตูดิโอ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบทำให้เกิดความเสื่อมทรามทางจิตใจหรือสุขภาพของประชาชน จุดใดที่ควรหยุดด้วยเหตุและผลเชิงวิชาชีพสื่อสารมวลชนสำหรับแต่ละสถานี มีการวิพากษ์กันมากทั้งการถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์ และจากผู้ใช้งานโซเชียลมีเดีย แล้วยังมีกรณีตัวอย่างจากภาพยนตร์เรื่อง เหยี่ยวข่าวคลั่งล่าข่าวโหด หรือ คู่อำมหิตฆ่าออกทีวี หรือกรณีของปอ ทฤษฎี เองก็มีการพูดถึงปัญหาสื่อละเมิดสิทธิ ที่ขัดต่อจรรยาบรรณ ล่าสุด กสทช. ออกหนังสือขอความร่วมมือให้สถานีโทรทัศน์ปฏิบัติตาม เพราะอาจผิดกฎหมาย และมีบทลงโทษตามมา
+ http://news.mthai.com/hot-news/social-news/496117.html
+ http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9590000050882
+ http://www.komchadluek.net/detail/20160123/221096.html
ปีการศึกษา 2558 ภาคเรียนที่ 2 จากคะแนนเต็ม 50
มีนักศึกษาสอบ IT Examination ได้คะแนน 48 และ 49 หลายคน ดังนี้
– ดวงพร เบ้าสมศรี 49 คะแนน
– นรากร อินทรวิจิตร 49 คะแนน
– ทรงพล พรรัตนพิทักษ์ 49 คะแนน
– จิรนันท์ แก้วใส 48 คะแนน
– นิตยา จอมคำ 48 คะแนน
– พิมพกานต์ ปะละวงค์ 48 คะแนน
– ชนิกานต์ สิงหะ 48 คะแนน
สำหรับผู้ผ่านตามเกณฑ์ คือไม่น้อยกว่า 40 คะแนนในการสอบครั้งแรก
จะได้รับเกียรติบัตรจากมหาวิทยาลัย และได้รับผลการเรียน S ในวิชา COMP 300
https://www.facebook.com/ajburin/media_set?set=a.10150990934333895.443727.814248894
ทุกภาคการศึกษา มหาวิทยาลัยเนชั่นจะมีกลไกจัดติว และจัดสอบ
IT Examination : Computer for Working
โดยจะจัดให้นักศึกษาชั้นปีที่ 2 ทุกคณะวิชา และผู้ที่ยังไม่ผ่านการสอบ
การติวนั้นก็เพื่อให้นักศึกษามีความพร้อมในการเข้าสอบ
เงื่อนไขการผ่านเกณฑ์คือ
คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ตามประกาศ
ถ้าสอบผ่านเกณฑ์ก็จะไม่ต้องลงทะเบียนวิชา COMP 300
แต่ได้รับผลการเรียนเป็น S พร้อมรับเกียรติบัตรในฐานะที่สอบผ่านเกณฑ์ในครั้งแรก
ถ้าสอบไม่ผ่านเกณฑ์ ก็ต้องลงทะเบียนวิชา COMP 300
และเข้าเรียนรู้ด้วยตนเองในระบบ แล้วเข้าติวก่อนสอบรอบต่อไป
หากยังสอบอีกครั้งแล้วไม่ผ่านก็จะได้รับผลการเรียนเป็น U
และต้องลงทะเบียนในภาคเรียนต่อไปอีก
โดยปีการศึกษา 2558 ภาคเรียนที่ 2
จัดติวในวันที่ 27 เมษายน 2559 ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ 1 มีนักศึกษาสนใจเข้าติวจำนวนมาก
https://www.facebook.com/ajburin/media_set?set=a.10152198257413895.1073741841.814248894
—
หลักเกณฑ์การสอบ IT Examination :Computer for working
ประกาศ 20 พฤศจิกายน 2556
http://it.nation.ac.th/std/news/file_load/STD0029.docx
http://it.nation.ac.th/std/?pages=3
IT Examination
ไม่มีสังคมใดในโลกยอมรับการทุจริต เพราะการทุจริตสอบของนักเรียนคนหนึ่ง หมายถึงการเอารัดเอาเปรียบนักเรียนคนอื่นที่ร่วมกันสอบทั้งหมด คุณครูเองหรือกรรมการคุมสอบก็จะยอมให้มีการทุจริตสอบเกิดขึ้นไม่ได้ เป็นความไม่ยุติธรรมต่อผู้เข้าร่วมสอบแข่งขันทั้งหมด ทุกครั้งที่มีข่าวการทุจริตก็จะเป็นที่สนใจของสังคมทั้งทุจริตสอบครู สอบตำรวจ หรือสอบแพทย์ ยิ่งสื่อสังคมได้รับความนิยมเท่าใด การทุจริตก็ยิ่งเป็นที่สนใจ แพร่ได้เร็ว และได้รับการติดตามใกล้ชิด ทำให้การพิจารณาโทษของการทุจริตเป็นเรื่องผ่อนปรนไม่ได้ เพราะเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่ดำเนินการตามระเบียบที่บัญญัติไว้
การทุจริตสอบเกิดขึ้นหลายรูปแบบ ที่เกิดขึ้นได้ง่ายและเห็นในภาพยนตร์ ก็มีทั้งแบบที่รู้คำตอบล่วงหน้าก่อนเข้าสอบจากการที่ข้อสอบรั่ว และแบบที่ไปหาคำตอบกันในห้องสอบ หากทุจริตคนเดียวก็จะใช้วิธีแอบจดสูตร สมการ ขั้นตอน หรือแนวคำตอบเข้าห้องสอบ อาจเป็นกระดาษซ่อนไว้ในชายเสื้อ กระเป๋าลับ หรือจดไว้ตามแขนขาฝ่ามือ หากทำกันหลายคนก็อาจเป็นการส่งคำตอบให้กัน ผ่านกระดาษโน้ต ยางลบ แลกกระดาษคำตอบ แลกข้อสอบที่จดคำตอบลงไปแล้ว การยกกระดาษคำตอบให้เพื่อนรอบโต๊ะได้เห็นและลอกตาม นั่งตัวเอียงให้เพื่อนด้านหลังได้เห็นคำตอบ การส่งสัญญาณมือ หรือใช้ภาษากายอื่น การผลัดกันออกไปเข้าห้องน้ำ แล้วใช้ห้องน้ำเป็นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ วิธีโบราณที่สุด คือ พูดคุยกันในห้องสอบ เหมาะกับห้องสอบที่มีขนาดใหญ่ และชิดกัน
การใช้เทคโนโลยีในยุคนี้ปรากฏเป็นข่าวดังหลายครั้ง ถ้าใช้อุปกรณ์ในระดับบุคคล หรือระหว่างสองคนก็เป็นเพียงการแอบพกอุปกรณ์เข้าห้องสอบ เพื่อแอบเปิดอุปกรณ์ค้นหาคำตอบ หรือหาข้อมูลที่เกี่ยวกับคำถาม อาจใช้สื่อสารกันผ่านบรูทูช แชท อีเมล หรือเอสเอ็มเอส แต่ที่ยอมรับไม่ได้และมีโทษร้ายแรง คือ การใช้อุปกรณ์ที่ทำกันเป็นกระบวนการมีความผิดตามกฎหมายทั้งลักทรัพย์และฉ้อโกง ด้วยการมีผู้รับจ้างจัดเตรียมอุปกรณ์ มีทีมเข้าไปนำข้อสอบออกมา ทีมทำหน้าที่เฉลยคำตอบ ทีมส่งคำตอบกลับไปให้ผู้สอบ และกลุ่มผู้สอบที่ทำการทุจริต อุปกรณ์และวิธีการที่ใช้ก็ต่างกันไปในแต่ละครั้ง มีทั้งแบบแนบเนียนที่ใส่ไว้ในทวารหนัก หรือสวมให้เห็นกันเลยก็มี ต่อไปจะทุจริต หรือจะคุมสอบก็ต้องคิดกันเยอะขึ้น เพราะมีบทเรียนมาให้เรียนรู้กันหลายบทแล้ว
กระบวนการทุจริต แบบใช้อุปกรณ์ร่วมกับการรับจ้างสอบ
อ่านข่าวจากเดลินิวส์ว่า
10 พ.ค.59 ผศ.ดร.ประเสริญ คันธมานนท์ เปิดเผยว่าสมาชิก ทปอ. จำนวน 13 จาก 27 แห่ง
ได้ทำหนังสือถึง สกอ. เพื่อแจ้งให้ทราบว่า จะดำเนินการพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายใน
ที่เหมาะสมบริบทของมหาวิทยาลัยแทน
การใช้ระบบประกันคุณภาพการศึกษาภายในระดับอุดมศึกษาของ สกอ.
http://www.dailynews.co.th/education/396662
http://www.cheqa.mua.go.th/
แล้วก็ไปอ่านข้อคิดดี ๆ จาก FB Wiriyah Eduzones
ว่าเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย
“สามารถใช้โทรศัพท์เครื่องเดียว ตอบได้ทั้งหมด”
https://www.facebook.com/ajWiriya/photos/pb.109357035752956.-2207520000.1463187905./1111516935536956/
การเรียนหนังสือ
เค้าก็บอกว่าไม่ได้ใช้ทรงผม แต่ใช้สมองในการเรียนหนังสือ
โดยเปรียบเทียบให้เห็นว่ามีคน 2 คนคุยกัน
ครูไทย กับ นักเรียนญี่ปุ่น โดยครูไทยถามว่า
“ที่ญี่ปุ่นเค้าไม่มีกฎเรื่องทรงผมหรอ“
นักเรียนที่ญี่ปุ่นคนหนึ่งตอบว่า”พวกเราใช้สมองเรียนค่ะ ไม่ได้ใช้ทรงผม“
นี่ถ้าถามได้อีกข้อ คงถามว่า
“ที่ญี่ปุ่น/เกาหลี เค้ามีแบบฟอร์มนักเรียนสวย ๆ ด้วยหรอ“
คำตอบคงไม่สำคัญครับ .. เพราะผมว่าชุดนักเรียนญี่ปุ่นสวยดี
https://www.facebook.com/ajWiriya/photos/pb.109357035752956.-2207520000.1463188423./1108208335867816/