รื้อเกณฑ์ทุนอำเภอปันส่วนให้เด็กอาชีวะ

30 สิงหาคม 2556

ดร.กิตติ ลิ่มสกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า จากการเดินทางไปดูงานและหารือความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างประเทศไทยกับญี่ปุ่น ร่วมกับนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีหลายเรื่องที่จะต้องผลักดันและยกร่างเป็นข้อเสนอให้นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศธ.พิจารณา โดยเฉพาะการจัดสรรทุนการศึกษาเรียนต่อระดับปริญญาตรีทั้งในและนอกประเทศ ในโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน หรือทุนโอดอส โดยแบ่งส่วนหนึ่งมาให้ทุนแก่นักเรียนสายอาชีวศึกษา ไปเรียนในประเทศอื่น ๆ ที่มีศักยภาพด้านอาชีวศึกษา อาทิ เกาหลี เยอรมนี จีน สิงคโปร์ และญี่ปุ่น โดยจะต้องมีการพิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการให้ทุนโอดอสใหม่ ซึ่งเบื้องต้นอาจจะจัดสรรให้เด็กอาชีวศึกษาจังหวัดละ 1 คน เปิดโอกาสให้รับทุนเรียนต่อทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตามศักยภาพและความต้องการของนักเรียน ซึ่งการสอบรับทุนจะต้องแยกสอบระหว่างนักเรียนสายอาชีวศึกษากับนักเรียนสายสามัญศึกษา

ดร.กิตติ กล่าวต่อไปว่า ตนได้มอบหมายให้ ดร.สุทธศรี วงษ์สมาน รองเลขาธิการสภาการศึกษา ว่าที่ ปลัด ศธ.คนใหม่ และผู้ที่เกี่ยวข้องสรุปข้อมูลโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน ที่ได้ดำเนินการมาก่อนหน้านี้ ทั้งกระบวนการสรรหา การสอบ การเตรียมตัวเด็ก การส่งเด็กไปเรียน และการติดตามเด็กใน ต่างประเทศ ตลอดจนเด็กกลับมาแล้วทำงานที่ไหนอย่างไร เพื่อมาพิจารณาว่าจะต้องมีการปรับปรุงหลักเกณฑ์ในส่วนไหนบ้าง ทั้งนี้เพื่อให้เกิดสิ่งใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์สำหรับเด็ก เช่น เรื่องการคัดเลือกเด็ก รายได้ต่อปีของครอบครัวนักเรียน การเตรียมตัวของนักเรียนที่สอบได้ในการไปเรียนต่างประเทศ อาจจะต้องเพิ่มระยะเวลามากขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้เด็กมีความพร้อมด้านภาษา ความรู้ และการปรับตัวทางด้านวัฒนธรรม เป็นต้น

นายจาตุรนต์ เน้นด้านการอาชีวศึกษามาก และ จะขอแบ่งทุนโอดอสจำนวนหนึ่งมาให้เด็กอาชีวศึกษาได้เรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น ซึ่งเร็ว ๆ นี้เรื่องการให้ทุนโอดอสจะมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ เกิดขึ้นอย่างแน่นอน โดยจะเน้นการกระจายความเท่าเทียมให้แก่นักเรียน นักศึกษา ที่อยู่ห่างไกลให้มีโอกาสได้รับทุนนี้มากขึ้น อย่างไรก็ตามเมื่อได้ข้อสรุปทั้งหมดแล้ว ผมจะทำเป็นข้อเสนอในทางปฏิบัติไปให้ รมว.ศธ. และรองนายกรัฐมนตรี เพื่อเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป โดยคาดหวังว่าจะใช้หลักเกณฑ์ใหม่นี้ได้ในปีการศึกษา 2557″ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ ศธ. กล่าว.

ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33923&Key=hotnews