อ.ก.ค.ศ.อีสานยื่น 3 ข้อ ฟันตัวการโกงสอบครู

29 มีนาคม 2556

‘เลขาฯ กพฐ.’พร้อมให้ปากคำคดีทุจริตสอบบรรจุครูผู้ช่วย ‘ดีเอสไอ’ 2 เม.ย. ‘เสริมศักดิ์’ ยังไม่โยกบิ๊ก สพฐ. ด้านชมรม อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯอีสาน จี้รัฐบาลฟันตัวการโกงสอบ

ความคืบหน้ากรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เสนอคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) มีมติรับกรณีทุจริตการสอบคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการครูในตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีมีความจำเป็น หรือเหตุพิเศษ ว12 ครั้งที่ผ่านมา ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เป็นคดีพิเศษ และเตรียมเชิญนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้น พื้นฐาน (กพฐ.) นายอนันต์ ระงับทุกข์ รองเลขาธิการ กพฐ. และนายไกร เกษทัน ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ สพฐ. มาให้ถ้อยคำ เพราะมีส่วนเกี่ยว ข้องโดยตรงกับการจัดสอบคัดเลือกครูผู้ช่วยครั้งนี้นั้น

เมื่อวันที่ 28 มีนาคม นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า หลังจากที่ดีเอสไอมีมติรับเรื่องทุจริตการสอบครูผู้ช่วยเป็นคดีพิเศษแล้ว ดีเอสไอจะมีอำนาจสมบูรณ์ในการสอบสวนเรื่องนี้ โดยเฉพาะการขอข้อมูลเชิงลึกจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตนกำลังพิจารณาตั้งคณะกรรมการเพิ่มขึ้นอีก 1 ชุด เพื่อรวบรวมสรุปข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับการสอบสวนทุจริต ทั้งที่ได้จากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการทุจริตสอบครูผู้ช่วยชุดที่นายพิษณุ ตุลสุข ผู้ตรวจราชการ ศธ. เป็นประธาน และที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การทำงานรวดเร็วยิ่งขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษแล้ว จะพิจารณาย้ายผู้บริหารระดับสูงใน สพฐ.ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือไม่ เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการสอบสวน นายเสริมศักดิ์กล่าวว่า ยังไม่ได้พิจารณาเรื่องนี้ และยังไม่ได้พูดคุยกับนายชินภัทร ต้องขอดูข้อมูลการสอบสวนของดีเอสไอหลังจากรับเป็นคดีพิเศษก่อน ซึ่งทั้งหมดจะต้องพิจารณาให้รอบคอบ แต่ยืนยันว่า ศธ.ยินดีให้ความร่วมมือกับดีเอสไอในการให้ข้อมูลต่างๆ แน่นอน

นายพิษณุกล่าวว่า ทางดีเอสไอได้ติดต่อมายังตน เพื่อขอข้อมูลหลักฐานที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ได้ตรวจสอบไว้ โดยกำลังรวบรวมข้อมูลหลักฐานที่มีอยู่ส่งมอบให้นายเสริมศักดิ์ ก่อนนำส่งให้ดีเอสไอต่อไป ทั้งนี้ ข้อมูลหลักฐานที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯได้ตรวจสอบไว้นั้น บางส่วนได้ส่งมอบให้ดีเอสไอไปแล้ว เช่น โพยเฉลยข้อสอบ ส่วนที่จะส่งมอบให้คราวนี้ส่วนใหญ่จะเป็นข้อมูลการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง 30-40 คน ซึ่งมีทั้งผู้เห็นเหตุการณ์ ผู้เข้าสอบ ผู้คุมสอบ ผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และผู้กระทำผิดที่รับสารภาพ โดยในจำนวนนี้มี 3 ราย ที่ยอมรับสารภาพและมีการซัดทอดถึงบุคคลอื่น ดีเอสไอสามารถนำไปใช้ขยายผลการสอบสวนถึงตัวการในขบวนการทุจริตได้

นายชินภัทรกล่าวว่า ได้รับหนังสือแจ้งจากดีเอสไอให้ไปให้ข้อมูลในวันที่ 2 เมษายนนี้ ซึ่งตนจะเดินทางไปให้ข้อมูลด้วยตัวเอง และพร้อมที่จะชี้แจงขั้นตอนการสอบคัดเลือกครูผู้ช่วยทั้งหมด ที่ผ่านมาไม่ได้มีโอกาสชี้แจงเอง ฉะนั้น คราวนี้จึงเป็นโอกาสดี ทั้งนี้ ในการชี้แจงจะเตรียมเอกสารและข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับภารกิจ สพฐ.ที่เกี่ยวข้อง อาทิ การออกข้อสอบ การตรวจข้อสอบ เป็นต้น ส่วนเรื่องการดำเนินการตามมติที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ที่ให้ สพฐ.จัดส่งเอกสารและข้อมูลต่างๆ ไปให้คณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) เขตพื้นที่การศึกษา 129 เขต เพื่อตรวจสอบและพิจารณาเพิกถอนการสอบครูผู้ช่วยนั้น สพฐ.ได้ส่งข้อมูลคะแนนสอบไปให้เขตพื้นที่ฯแล้ว ส่วนหนังสือแจ้งให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯดำเนินการในเรื่องนี้นั้น ทางสำนักงาน ก.ค.ศ.จะจัดส่งหนังสือแจ้งไปเอง
“ผมไม่หนักใจ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นไม่มีอะไรซับซ้อน สพฐ.ทำทุกอย่างตรงไปตรงมา และมีบันทึกการดำเนินการทุกขั้นตอนไว้อย่างชัดเจน มีกรรมการรับผิดชอบทุกขั้นตอน จึงมั่นใจว่าหน่วยงานสอบสวนกลางอย่างดีเอสไอจะสอบสวนด้วยความถี่ถ้วนจนได้ข้อสรุปที่ตรงความจริง” นายชินภัทรกล่าว และว่า สำหรับกรณีที่ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่ฯ 10 เขต ที่ส่อว่าจะมีการทุจริตการสอบ วิตกกังวลว่าจะถูกโยกย้ายให้มาช่วยราชการที่ สพฐ.นั้น ไม่อยากให้กลัวกันไป เพราะการดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอน”

ด้านนายสานิตย์ พลศรี อนุกรรมการใน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 1 ในฐานะตัวแทนชมรม อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า ในวันเดียวกันนี้ทางชมรม อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีผู้แทนจากเขตพื้นที่การศึกษาต่างๆ อาทิ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) นครราชสีมา เขต 2, 4, 5, 7, สพป.เลย เขต 2, สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) นครราชสีมา เขต 2, 4, 5, 7, สพป.เลย เขต 2, สพป.ชัยภูมิ เขต 1 เป็นต้น ได้ประชุมหารือกรณีที่ประชุม ก.ค.ศ.มีมติให้ส่งข้อมูลให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯไปตรวจสอบและพิจารณาการเพิกถอนการสอบครูผู้ช่วยภายใน 15 วันนั้น ในที่ประชุมมีมติให้ออกแถลงการณ์เรียกร้องไปยังรัฐบาล ก.ค.ศ.และผู้เกี่ยวข้องใน 3 ประเด็น ได้แก่ 1.ขอให้เร่งรัดดำเนินการเอาผิดกับบุคคลที่เป็นตัวการใหญ่ใน ศธ.ทั้งทางวินัยและทางอาญาอย่างจริงจัง 2.ขอให้ ก.ค.ศ.ดำเนินการยกเลิกผลการสอบตามข้อมูลของดีเอสไอ รวมทั้งการเพิกถอนรายบุคคลที่มีคะแนนสูงผิดปกติ และการยกเลิกรายเขต และ 3.ขอให้ ก.ค.ศ.ยกเลิกหลักเกณฑ์วิธีการสอบแข่งขัน และวิธีดำเนินการสอบแข่งขันคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีมีเหตุจำเป็น หรือมีเหตุพิเศษ ว12 ตามหนังสือเวียนที่ ศธ 0206.2/ว14 ลงวันที่ 25 เมษายน 2555 เนื่องจากขัดต่อเจตนารมณ์แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 มาตรา 47 วรรคแรก ที่จะส่อให้เกิดการทุจริตได้

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32295&Key=hotnews

Leave a Comment