สจล.ติดอาวุธสู่ 1 ใน 10 อุดมศึกษาอาเซียน วิเคราะห์ทุกประเทศหวังผลิตบัณฑิตตรงตลาด

2 เมษายน 2556

ผศ.ดร.สุรินทร์ คำฝอย ผู้ช่วยอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมเพื่อก้าวสู่เป้าหมายสำคัญคือ เป็น 1 ใน 10 ของสถาบันการศึกษาชั้นแนวหน้าแห่งประชาคมอาเซียนในปี 2558 ว่า สิ่งสำคัญที่ สจล.กำลังพยายามปรับตัวเพื่อสร้างความเป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมความมีคุณภาพนั้น ในปี 2556 นี้ สถาบันได้พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนต่างๆ ให้ตรงตามความต้องการของในประเทศและต่างประเทศ อาทิ การจัดหลักสูตรนานาชาติอย่างจริงจัง โดยเริ่มใช้ภาษาอังกฤษในการเรียนการสอนในวิชาพื้นฐาน เพื่อให้นักศึกษซึมซับกับภาษาอังกฤษและสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ การจัดหลักสูตรพื้นฐานทางวิชาการและหลักสูตรเทคโนโลยีเพื่อวิชาชีพให้แก่นักศึกษาทุกระดับชั้น ตลอดจนการเพิ่มเติมหลักสูตรใหม่ที่น่าสนใจ

“ทั้งนี้ได้มองถึงปัญหาว่าแต่ละประเทศมีปัญหาพื้นฐานอย่างไร และยังขาดบุคลากรในด้านไหนที่จะไปพัฒนา หรือประเทศนั้นๆ มีทรัพยากรใดที่จะนำมาพัฒนาประเทศเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตได้ จึงต่อยอดหลักสูตรต่างๆ ขึ้น อาทิ หลักสูตรวิศวกรรมปิโตรเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ หรือหลักสูตรวิศวกรรมชีวการแพทย์ ที่ส่งเสริมด้านการขยายฐานความรู้วิศวกรรมให้สามารถประยุกต์ใช้กับอุตสาหกรรมที่เหมาะสมกับการพัฒนาการให้บริการสาธารณสุขของประเทศ ช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนบุคคลากรด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์ เป็นต้น” ผศ.ดร.สุรินทร์กล่าว

ผู้ช่วยอธิการบดี สจล. กล่าวด้วยว่า ในส่วนของนโยบายการบริหารประจำปี 2556 สจล.จะมุ่งพัฒนาแบบก้าวกระโดด โดยเร่งสร้างความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำต่างๆ ทั่วโลก ในรูปแบบต่างๆ อาทิ การทำวิจัยร่วม การจัดประชุมทางวิชาการนานาชาติ การแลกเปลี่ยนอาจารย์ นักวิจัยและนักศึกษา โดยคาดว่าในปีนี้จะมีสถาบันการศึกษาชั้นนำในหลายประเทศเข้าร่วมการแลกเปลี่ยนการเรียนการสอนเพิ่มขึ้นกว่า 20-30 แห่ง พร้อมการผลักดันให้มีงานวิจัยใหม่ๆ เกิดขึ้น ซึ่งในปีนี้ คาดว่าจะมีงานวิจัยชิ้นใหม่ของคณาจารย์กว่า 1,000 ชิ้น และให้อาจารย์นำงานวิจัยเหล่านั้นมาสอนควบคู่ไปกับเทคโนโลยีสมัยใหม่แก่นักศึกษา ตลอดจนการสร้างความร่วมมือให้มากขึ้นกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อให้นักศึกษาในทุกระดับรวมไปถึงบุคลากรได้เรียนรู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงของโลกในแวดวงอุตสาหกรรมได้อย่างแท้จริง ซึ่งจะเป็นผลดีต่อตัวนักศึกษาเอง เมื่อจบการศึกษาก็สามารถออกไปทำงานได้ทั้งในระดับชาติและนานาชาติ

ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32315&Key=hotnews

Leave a Comment