ผู้ผลิตชุดนักเรียนยื่นพาณิชย์ขอขึ้นราคาขาย

19 เมษายน 2556

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

กรมการค้าภายในเผยผู้ผลิตชุดนักเรียน ยื่นหนังสือปรับขึ้นราคาขาย หลังแบกรับต้นทุนจากค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทไม่ไหว เตรียมเรียกชี้แจงต้นทุนเร็วๆนี้ ประเมินราคาสินค้าทรงตัวหลังวัตถุดิบราคาทรงตัว

น.ส.วิบูลลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้ ผู้ผลิตชุดนักเรียน 1 ราย ได้ยื่นเรื่องขอปรับราคาขายชุดนักเรียนเข้ามายังกรมฯแล้ว โดยอ้างเหตุผลว่าได้รับกระทบจากนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาททั่วประเทศของรัฐบาล จนส่งผลให้ต้นทุนการผลิตปรับสูงขึ้น เพราะชุดนักเรียนใช้แรงงานผลิตจำนวนมาก อีกทั้งได้ตรึงราคามาหลายปีนี้แล้ว จึงจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาบ้าง อย่างไรก็ตาม คงต้องพิจารณาก่อนว่ามีเหตุผลสมควรให้ปรับขึ้นราคาหรือไม่ และหากจะให้ปรับขึ้น จะให้ปรับขึ้นในอัตราเท่าไรจึงจะเหมาะสม

“ยอมรับว่าการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ มีผลต่อต้นทุนการผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม รวมถึงชุดนักเรียนด้วย สัปดาห์หน้าจะเชิญผู้ประกอบการที่ได้ยื่นหนังสือขอปรับขึ้นราคามาชี้แจงรายละเอียด และเหตุผลการขอปรับขึ้นราคา แต่ถ้าจะให้ปรับขึ้นก็คงมากนัก และไม่น่าจะกระทบกับผู้ปกครองมามากนัก เพราะกระทรวงศึกษาธิการมีระบบการจัดซื้อในราคาที่สมเหตุสมผล และไม่เป็นภาระแก่ผู้ปกครองอยู่แล้ว ส่วนสินค้าสินค้าชนิดอื่น ยังไม่มีการยื่นเรื่องขอปรับราคาเข้ามา เพราะส่วนใหญ่ยังมีการแข่งขันด้านราคากันอยู่” น.ส.วิบูลลักษณ์ กล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสอบถามร้านจำหน่ายชุดนักเรียน ระบุว่า ขณะนี้การซื้อขายชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียน ยังน้อย เพราะยังอยู่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ คาดว่ากำลังซื้อจะกลับมาช่วงต้นเดือน พ.ค. หรือก่อนการเปิดภาคเรียน 1 สัปดาห์ แต่ยอมรับว่า การแข่งขันของชุดนักเรียนยังมีสูง และการจัดรายการส่งเสริมการขายของห้างค้าปลีกที่เน้นเรื่องราคา ทำให้ชุดนักเรียนยังมีการปรับราคาไม่ได้มากนัก โดยเฉลี่ยคาดว่า การปรับขึ้นราคาไม่น่าเกิน 3-5% ขึ้นอยู่กับขนาด และคุณภาพสินค้า

โดยขณะนี้ราคาขายปลีกเสื้อนักเรียนหญิง (คอบัว/ฮาวาย) ตัวละ 140-253 บาท เสื้อเชิ้ต (ชาย) ตัวละ 145-342 บาท กระโปรงนักเรียน ตัวละ 160-457 บาท กางเกงนักเรียนชาย ตัวละ 150-580 บาท เสื้อลูกเสือ-เนตรนารี ตัวละ 230-495 บาท กระโปรงเนตรนารี ตัวละ 201-457 บาท เป็นต้น

ก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์ได้อนุมัติให้มีการ ปรับขึ้นราคาอาหารสัตว์ไปแล้วช่วงปลายปี 2555 หลังพบว่าต้นทุนผลิตอาหารสัตว์ปรับเพิ่มขึ้นจริง ซึ่งราคาที่อนุมัติให้ปรับขึ้นนั้นเฉลี่ยอยู่ที่ 3-10%

สินค้าในกลุ่มนม ที่มีแนวโน้มต้นทุนการผลิต สูงขึ้นนั้น ยังไม่มีการปรับราคาเกินเพดานราคาที่กำหนด ซึ่งส่วนใหญ่ที่มีการปรับราคาจะเป็นการยกเลิกส่งเสริมการขาย หรือส่วนลดด้านการตลาด

กระทรวงพาณิชย์ได้รายงานแนวโน้มราคาสินค้า ในปี 2556 ให้ ครม.รับทราบ โดยระบุว่าสินค้าส่วนใหญ่มีราคาทรงตัว อยู่ในระดับเดียวกับปี 2555 เนื่อง จากวัตถุดิบหลัก ในการผลิตราคายังคงทรงตัว

ส่วนปัจจัยกระทบได้คำนวณไว้แล้ว ได้แก่ น้ำมันดิบดูไบ คาดว่าจะอยู่ที่ 100 – 120 ดอลลาร์/บาร์เรล (ปี 2555 อยู่ที่ 88.98 – 124.09 ดอลลาร์/บาร์เรล) และอัตราแลกเปลี่ยน คาดว่าจะอยู่ที่ 28.50 – 32.50 บาท/ดอลลาร์ (ปี 2555 อยู่ที่ 30.38 – 32.05 บาท/ดอลลาร์) ทั้งนี้รัฐบาลยังคงมีมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนในด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32457&Key=hotnews

Leave a Comment