teacher

คืนครูให้นักเรียน: ยกเลิกให้ครูเข้าเวร ทันที

Thai teacher is the guard of the school.

ครูทุกท่านพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การเข้าเวรเป็นเรื่องที่กินชีวิตมาก ตามระเบียบราชการแล้ว สถานที่ราชการต้องมีเวรยามเฝ้าตลอดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน

เรื่องนี้เป็นปัญหาอย่างมาก โดยเฉพาะกับโรงเรียนขนาดเล็กในพื้นที่ห่างไกล ที่มีจำนวนครูน้อย ทำให้ครูต้องเข้าเวรตอนกลางคืนตลอดเกือบทุกวัน โดยที่ไม่มีค่าล่วงเวลาและไม่มีเวลาชีวิตไปทำอย่างอื่นได้เลย

ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล สิ่งที่เราจะทำคือ การออกคำสั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ยกเลิกการบังคับให้ครูต้องอยู่เวร ให้ใช้วิธีอื่นในการรักษาความปลอดภัยของโรงเรียนตามความเหมาะสม เช่น ร่วมมือกับชุมชนและสถานีตำรวจ หรือสำหรับโรงเรียนขนาดใหญ่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องให้เป็นภาระครูในการอยู่เวรซ้ำซ้อน

https://thaiall.com/checklist.php

นโยบายพรรคก้าวไกล
ภาษาอังกฤษที่ 100 จาก 112 ประเทศ

ใบรับรองภาษาอังกฤษ

ประเด็นภาษาอังกฤษ ที่เป็นภาษาสากล มีการสอบวัดในระดับโลก
พบว่า บางประเทศเน้นสอน Grammar
แต่ผลสอบของเด็กเราชัดว่าไม่แม่นใน Grammar
พบว่า คะแนนสอบต่ำในหลายด้าน
ทั้ง Reading, Listening, Writing, Speaking และ Grammar
ถ้าเน้นสอน Grammar และแม่นใน Grammar จริง
ผลสอบ Reading, Writing และ Grammar ย่อม OK
กลับมามอง
ข้อสอบภาษาอังกฤษเพื่อสอบครู อาจารย์ หรือบุคลากรทางการศึกษา
พบว่า ไม่ยากอย่างที่ควร แต่ยังสอบตกจำนวนมาก
ทั้งที่ไม่มี Listening และ Speaking ในข้อสอบ
ปัญหาหลัก คือ ครูไม่เก่งภาษาอังกฤษ
พอที่จะสร้างระบบนิเวศการใช้ภาษาอังกฤษในโรงเรียน

ข้อเสนอสำคัญเพื่อแก้ไขปัญหา
1) หลักสูตรการเรียนการสอนควรเริ่มจากการเน้น Listening และ Speaking ในขั้นพื้นฐาน แล้วเพิ่มทักษะอื่นในระดับชั้นที่สูงขึ้น
2) สร้างแรงจูงใจให้ครูพัฒนาตัวเอง เช่น ครูที่ได้คะแนน TOEIC ระดับ 600 คะแนนจะได้เงินเพิ่มสัก 2,500 บาทต่อเดือน และยื่นทุกสองปี
3) สอบบรรจุครูต้องยื่นในรับรองการสอบภาษาอังกฤษ พร้อมใบสมัคร

Cr: เรียบเรียงจาก Chaturong ใน Wiriyah Eduzones

ภาษาอังกฤษ 100 จาก 112 ประเทศ


https://thethaiger.com/th/news/500946/

https://web.facebook.com/ajWiriya/

เด็กอยากสอบโอเน็ต แต่ครูไม่ให้สอบ

เด็กทุกคนควรเข้าสู่ระบบทดสอบ เพื่อให้รู้ผลการเรียนตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมา

ในอนาคต เมื่อเด็ก ๆ ได้เรียนหนังสือไปถึงระดับชั้นหนึ่ง ก็จะได้รับการวัดผลจากหน่วยงานที่เข้าใจการสอบมาตรฐาน และน่าเชื่อถือระดับชาติ ว่าประสิทธิผลการเรียนของแต่ละบุคคลอยู่ในระดับใด สะท้อนถึงประสิทธิผลการจัดการเรียนการสอนในระดับห้องเรียน ชั้นเรียน โรงเรียน และเขตพื้นที่ได้ ดังนั้นเด็กทุกคนจะได้รับสิทธิ์การสอบ เพื่อรู้ผลสอบ เป็นการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จะไม่มีคุณครูใช้สิทธิ์ห้ามเด็ก หรือสิ่งใดที่จะทำให้เด็กไม่ได้สอบอีกต่อไป แล้วการสอบประเมินสมรรถนะทางวิชาการของเด็ก ๆ จะต้องถูกจัดให้กับเด็กทุกคนอย่างเท่าเทียม มิใช่คนใดคนหนึ่ง ส่วนเด็กที่เรียนแล้วไม่ต้องการรู้ผลสอบ ไม่ต้องการเข้าสอบ ก็เป็นสิทธิ์ขั้นพื้นฐานที่พึงมีของแต่ละคน

นโยบายการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน

http://www.thaiall.com/student/onet.htm

7 ข้อคิดสำหรับอาจารย์มหาวิทยาลัย ว่า เตรียมตัวตกงาน ชอบครับ จึงสรุปใหม่เพื่อนำไปแชร์ต่อ

ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์

อ.อดิศักดิ์ แชร์บทความมาในกลุ่มบุคลากร
เรื่อง “7 ข้อคิดสำหรับอาจารย์มหาวิทยาลัย ที่ต้องเตรียมตัว-เตรียมใจตกงาน
ใน manager online 2 มกราคม 2560
ผมตามบทความของ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ที่เพื่อน ๆ แชร์มาให้อ่านเสมอ
ครั้งนี้ท่านเล่าว่ามีเพื่อนอาจารย์ “ลาออก”
แล้วฝากคำแนะนำไว้ 7 ข้อสำหรับ “อาจารย์รุ่นน้อง” ที่อายุน้อยกว่า 40 ปี

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9600000000252https://www.facebook.com/Life101.Co.Ltd/photos/a.163584947075166.25005.163576530409341/986938344739818/

เมื่อผมได้อ่านที่ ดร.อานนท์ เขียนแล้ว
.. ก็สรุปเป็นคำพูดที่จะนำไปพูดคุยกับนักศึกษาต่อไป
หากต้องการรายละเอียดฉบับเต็ม คลิ๊กลิงค์ของ manager ด้านบนได้ครับ

1. ลดอัตตา
อย่าคิดว่าเราเป็นที่สุด ในความจริง ไม่มีใครเหนือใคร
ความรู้ของคนเราเป็นแบบ intersection
คนไม่จบ ดร. ไม่มีตำแหน่ง ผศ. ที่เก่งทั้งทฤษฎี และปฏิบัติก็เยอะ
ควรผูกมิตร และยกย่องเขา ปรับตัวเรา และ make friend และ adapt

2. เปลี่ยนจากศูนย์กลางแห่งความรู้เป็นศูนย์กระจายความรู้
ต้องเปลี่ยนจาก Knowledge Guru เป็น Knowledge Facilitator
หาของใหม่จากภายนอก มาสอนนิสิตนักศึกษา และแชร์ความรู้บ่อย ๆ
พาลูกศิษย์ และตัวเองไปเจอเวทีหรือคนข้างนอกบ้าง
สมัยนี้เวที หรือ idol หรือ group หรือ conference หรือสื่อสังคม มีเยอะ

3. อย่าขาดการติดต่อกับโลกภายนอกมหาวิทยาลัย
มีอะไรอยู่ภายนอกมากมาย โลกพัฒนาไปเร็ว
เราติดตาม ปรับตัว และเปลี่ยนแปลงเท่าทันการเพิ่มขึ้นของความรู้หรือไม่
ได้พยายามรับรู้ และมีส่วนบ้างรึเปล่า
ที่สำคัญอย่าทำตัวเป็นผู้ตามความรู้อย่างเดียว
ถ้าให้ดีต้องเขียนความรู้ เป็น primary มากกว่า secondary อย่างเดียว

4. หมั่นเช็ค Rating ของตัวเอง
สังคมนอกมหาวิทยาลัยยอมรับเราไหม เรารับงานข้างนอกบ้างไหม
ตัวเราสะท้อนถึงลูกศิษย์ ก็เหมือน แม่ปูกับลูกปู
ถ้าเราเองยังไม่เป็นที่ยอมรับในสังคม แล้วลูกปูจะเดินตรงได้อย่างไร

5. อย่าเจ้ายศเจ้าอย่าง
หัวข้อนี้น่าจะเตือนเรื่องความรู้สึกเหนือคนอื่น และการเอาใจเขามาใส่ใจเรา
ความไม่มีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมงาน ไม่แบ่งปันรายได้ที่ได้รับจากสังคม
แต่ไปเบียดบังเพื่อนร่วมงานที่ไม่มีรายได้เหมือนตน
ถ้ามีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมงาน แบ่งปัน ความเจ้ายศเจ้าอย่างก็จะลดลง

6. ทำกิจกรรมเพื่อสังคม
ออกบริการสังคมโดยใช้องค์ความรู้ ดังคำว่า “การให้มีความสุขมากกว่าการรับ”
หรือการทำ CSR นั่นเอง ถ้าทำ 5 ข้อแรกได้ ข้อนี้ก็น่าจะหมุนไปเอง
หากเป็นอาจารย์ก็นำงานวิจัยไปช่วยเหลือสังคม

7. ให้ทุนนิสิต
หากทำ 6 ข้อได้ ก็จะมีโอกาสทำข้อ 7 คือ การแสวงหาแหล่งทุน
มาสนับสนุนนิสิต นักศึกษา หรือเพื่อนอาจารย์ และหมุนวนไปทำ 6 ข้อแรกต่อไป

ปี 2559 ให้ทุนผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น 3395 ราย มาลุ่นกันว่า ปี 2560 จะได้กี่ราย

คุณครูที่ปรากฎในสื่อ
คุณครูที่ปรากฎในสื่อ

พบข่าวพัฒนาครูท้องถิ่น เป็นโอกาสสำหรับ
นักเรียน นักศึกษา ที่สนใจอยากรับราชการครู ในปีการศึกษา 2560

ตามที่แฟนสาวของผมแนะนำมาว่าให้อ่านเรื่องนี้
อ่านที่ “ครูอัพเดตดอทคอม” แล้ว รู้สึกว่าน่าสนใจดังว่าจริง
http://www.krooupdate.com/news/newid-2450.html

มีเนื้อหาประมาณว่า

เมื่อจันทร์ที่ 9 ม.ค.2560 ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)
มอบให้ สพฐ. เป็นผู้รับผิดชอบโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น
เพราะ สพฐ. เป็นผู้ใช้ครู จะได้จัดครูได้ตรงกับความต้องการของโรงเรียนในแต่ละพื้นที่
มีระยะเวลา 2559 – 2572 งบทั้งหมดประมาณ 3800 ล้านบาท สำหรับผลิตครู 9264 คน
– ปี 2559 เป็นรุ่นแรก ที่รับผิดชอบหลักโดย สกอ.
– ปี 2560 เป็นรุ่นที่ 2 เปลี่ยนผู้รับผิดชอบหลักเป็น สพฐ.
โครงการเปิดรับนักเรียน นักศึกษาที่เกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 3.00 และรับประกันการมีงานทำ
มีรายละเอียดใน เดลินิวส์ เรื่องการต่อโครงการโดย สพฐ.
http://www.dailynews.co.th/education/547720

โครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น 2559
โครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น 2559

อ้างถึง ข้อมูลโครงการนี้ เมื่อปีพ.ศ.2559
พบ ประกาศ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
เรื่อง รายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น ปี พ.ศ.2559
มีผู้ผ่านการคัดเลือก 3,395 ราย
พบว่า โครงการนี้ให้โอกาสรวมถึงนิสิตนักศึกษาครูหลักสูตรระดับปริญญาตรี 5 ปี
ที่กำลังศึกษาชั้นปีที่ 5
แต่หากผลการเรียนสะสมที่กำหนดในเกณฑ์ ต่ำกว่า 3.00
ก็จะถูกตัดสิทธิ์การได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการครู
http://www.niets.or.th/protbyohec/file/announceprocbyohec.pdf
หรือ
https://www.facebook.com/groups/thaiebook/751047131712774/

โครงการในปี พ.ศ.2559 พบรายละเอียดในประกาศข้างต้น
ว่ากำหนดวันรายงานตัว 16 ตุลาคม 2559
มีสาขาวิชาที่เข้าร่วมโครงการเกือบทุกสาขา
ดังนั้นนักเรียน นักศึกษาที่สนใจเป็นครู คงต้องรอติดตามข่าวสาร
และโอกาสที่จะมีมาสำหรับปีการศึกษา 2560 ต่อไป

ในทางการศึกษา มีอะไรก็ต้องบอกกันไว้ก่อน ว่าจะรับกี่คน มิเช่นนั้นจะไม่ผ่าน

นักเรียนที่โรงเรียนเรือนแพ ใน คิดถึงวิทยา
นักเรียนที่โรงเรียนเรือนแพ ใน คิดถึงวิทยา

แต่ละปี จะมีข่าวการศึกษาที่ใหญ่หลายเรื่อง
อาทิ 31 ค.ค.2555 ก็มีมติยุบมหาวิทยาลัยอีสาน
กลางปี 2559 มีข่าว เปลี่ยนจาก admission เป็น entrance เริ่มปีการศึกษา 2561
แล้วสิ้นปี 2559 ข่าวนี้น่าจะใหญ่มาก คือ ไม่ให้ตั๋วบริหารการศึกษา
บอร์ดคุรุสภาไม่อนุมัติใบอนุญาตผู้บริหาร 4 มหาวิทยาลัย อีก 7 มหาวิทยาลัยให้ผ่านได้

ครูและนักเรียนที่โรงเรียนเรือนแพ ใน คิดถึงวิทยา
ครูและนักเรียนที่โรงเรียนเรือนแพ ใน คิดถึงวิทยา

โดยที่ประชุมจึงมีมติอนุมัติใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหารการศึกษาให้ 7 แห่ง ดังนี้

1. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.)
2. มหาวิทยาลัยศิลปากร (มศก.)
3. มหาวิทยาลัยบูรพา (มบ.)
4. มรภ.บุรีรัมย์
5. มรภ.สุราษฎร์ธานี
6. มรภ.เชียงราย
7. มรภ.ภูเก็ต

ส่วนอีก 4 แห่ง ที่ประชุมมีมติไม่อนุมัติใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหารการศึกษา
ให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาในปีการศึกษา 2557 และปีการศึกษา 2558 ดังนี้

1. มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี
2. มหาวิทยาลัยนอร์ท-เชียงใหม่
3. วิทยาลัยทองสุข
4. วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม

เนื่องจากรับนักศึกษาเกินกว่าที่แจ้งให้ สกอ.
http://www.matichon.co.th/news/342244

ถามศิษย์มาเยอะล่ะ ถามครูบ้างว่า ทำไมครูเค้าออกข้อสอบข้อนี้

คำถามที่ 63 ของ สทศ.
คำถามที่ 63 ของ สทศ.

[เหตุ]
พบโพสต์ของ อ.วิริยะ แชร์ข้อสอบ สทศ.ข้อ 63
ประเด็นต้นเรื่องตามลิงค์ ผมไม่ขอพูดถึง
แต่ที่สนใจ และเกิดคำถามเกิดขึ้นในใจผมเอง
ว่า “ครูคิดว่า ข้อสอบแบบนี้ต้องการอะไรจากเด็ก”
ถามสั้น แต่พาดพิงไปถึงวัตถุประสงค์ กระบวนการ และสิ่งที่คาดหวัง
https://www.facebook.com/ajWiriya/photos/a.109418075746852.10885.109357035752956/1146402255381757/

[ก่อนหน้านี้]
มีบทสนทนา “นิทานศิษย์คอม

ศิษย์ .. ทำไมต้องให้เขียนศัพท์
ครู .. ถามทำไมล่ะ
ศิษย์ .. ไม่อยากเขียนครับ ไม่เห็นประโยชน์
ครู .. เรียนอังกฤษ เรียนคอม เรียนไอที ก็ต้องรู้ศัพท์คอม สิครับ
มีหนังสือ “คู่มือ Cyber Security สำหรับประชาชน
ใคร ๆ เค้าก็อ่านกัน มีศัพท์ท้ายเล่ม บทที่ 9 หน้า 206
มี 28 คำ ไปอ่านนะ น่าสนใจ ดาวน์โหลดได้ด้วย
http://www.ebooksdownloadfree.net/2015/09/cyber-security.html
สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
เค้าทำแจกทั่วประเทศ เป็นรูปเล่มที่ผมก็มีนะ ได้รับแจกมา
ศิษย์ .. –!
ครู .. ไปอ่านเถอะ ไม่รู้ศัพท์ แล้วจะคุยกันรู้เรื่องเหรอ
นี่ขนาดข้อสอบ TU Star ความรู้ ม.4 ม.5 เค้ายังถามเลยว่า “Zombie” คอมพิวเตอร์คืออะไร
ศิษย์ .. รู้สิ

zombie คือ การเข้าควบคุมเหยื่อระยะไกล
zombie คือ การเข้าควบคุมเหยื่อระยะไกล

+ http://www.thaiall.com/blog/burin/7206/
+ https://www.facebook.com/gatconnectmaster/photos/a.1717807878436670.1073741840.1516128351937958/1717816878435770/
[สรุป]
ทุกปัญหามักมาจากการคิดต่าง (think different)
การคิดต่างมักต่างกันที่ วิสัยทัศน์ กลยุทธ์ เป้าหมาย วัตถุประสงค์ กระบวนการ ผลที่คาดหวัง

– วิสัยทัศน์ = เราจะเป็นที่หนึ่งในอาเซียน
– กลยุทธ์ = พัฒนานักเรียน และครู
– เป้าหมาย = ระบบการศึกษาไทยจะเป็นที่หนึ่งในอาเซียน
– วัตถุประสงค์ = เพื่อยกระดับการศึกษาของเด็กนักเรียน
– กระบวนการ = ปรับหลักสูตรให้สอดรับกับ PIZA สำหรับปีแรก
– ตัวบ่งชี้ (KPI) = คะแนนเฉลี่ยเด็กสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา สำหรับปีแรก

? การศึกษาไทยเป็นแบบนี้รึเปล่า คือ มองเป็นเส้นเดียวกัน คิดและทำเป็นระบบที่มีกลไกเดียวกัน

[ปัญหาการศึกษาไทย]
อ.วิริยะ บรรยายในแนวที่ว่า
“หวังอย่างหนึ่ง ทำอย่างหนึ่ง แล้วจะได้ผลเป็นอย่างที่หวังได้อย่างไร”
นี่คือปัญหาของระบบ objective -> process -> kpi
อย่างกรณี “ศิษย์คอม”
นั่นก็เป็นปัญหาที่ครู กับศิษย์ เห็นกระบวนการแตกต่างกัน
ที่ อ.วิริยะ พูดถึง “เด็กเรียนอย่างมีความสุข”
ก็ยังเป็นประเด็นที่น่าสนใจ และน่าติดตามอยู่เสมอ

[ข้อสอบเท่าทันโลก]
พบข้อสอบ TU Star ข้อหนึ่ง
พบว่าเด็กสมัยนี้หลายคนไม่ได้อ่านข่าวสารบ้านเมือง
คำถามถามครู
คือ “ครูคิดว่านักเรียนมัธยมปลาย ต้องติดตามข่าวสารในสื่อรึเปล่า
ข้อสอบถามว่า
โครงการ [ปลูกเลย] ที่โจอี้บอยไปเป็นจิตอาสาปลูกต้นไม้ เกิดขึ้นที่ไหน
คำตอบคือ “น่าน
https://www.facebook.com/gatconnectmaster/photos/a.1717807878436670.1073741840.1516128351937958/1717808038436654/

[TU Star]
TU Star ปีแรก รอบแรก 1/59
Menu: Star 00
มีข้อสอบมาแบ่งปัน ดูแนวข้อสอบได้ที่
https://www.facebook.com/gatconnectmaster/photos/?tab=album&album_id=1717807878436670

[O-NET]
ข้อสอบ O-NET ป.3 และ ป.6
สทศ.เปิดให้ download
http://www.niets.or.th/examdownload/

[gat]
ข้อสอบ GAT
สทศ.เปิดให้ download แล้วมีการนำมาเผยแพร่ต่อมากมาย
http://forum.02dual.com/index.php?topic=1471.0
http://www.trueplookpanya.com/knowledge/detail/30447-042944

อาจารย์ ดอกเตอร์ ม.ราชภัฎพระนคร ยิงกันเสียชีวิต 2 ราย และผู้ลงมือเสียชีวิตในเวลาต่อมา

อาคารเรียนรวมและศูนย์วัฒนธรรม ม.ราชภัฎพระนคร
อาคารเรียนรวมและศูนย์วัฒนธรรม ม.ราชภัฎพระนคร

เหตุเกิดประมาณ 9 โมง วันที่ 18 พ.ค.59 ตามข่าวทราบว่า
ที่ ห้องพุทธวิชชาลัย ชั้น 5 อาคารเรียนรวมและศูนย์วัฒนธรรม ม.ราชภัฎพระนคร
เหตุเกิดในระหว่างสอบภาคนิพนธ์ของนักศึกษาปริญญาโท ในห้องมีรวมกัน 5 คน
คือ อาจารย์ 3 ท่าน และนักศึกษา 1 คน กับเพื่อนนักศึกษาอีก 1 ท่าน
ชื่อเดิมคณะคุรุศาสตร์ เปลี่ยนเป็น วิทยาลัยการฝึกหัดครู
อาจารย์ผู้ก่อเหตุมีปัญหากับประธานสอบมาก่อน
เข้ามาแล้วก็ยิงอาจารย์ทั้ง 2 ท่านจนเสียชีวิต
คือ ผศ.ดร.พิชัย ไชยสงคราม อายุ 56 ปี
กศ.บ.(การบริหารการศึกษา), กศ.ม. (การศึกษาผู้ใหญ่), Ph.D.(Development Education)
ประธานสาขาวิชาบริหารการศึกษาบัณฑิตวิทยาลัย มรภ.พระนคร
และ ดร.ณัฐพล ชุมวรฐายี อายุ 54 ปี
ค.บ. (อุตสาหกรรมศิลป์), พณ.ม. (พัฒนาสังคม), กศ.ด. (การบริหารการศึกษา)
ผอ.สำนักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียน มรภ.พระนคร

ผศ.ดร.พิชัย ไชยสงคราม และ ดร.ณัฐพล ชุมวรฐายี http://www.matichon.co.th/news/139724
ผศ.ดร.พิชัย ไชยสงคราม และ ดร.ณัฐพล ชุมวรฐายี
http://www.matichon.co.th/news/139724

ตามข่าวทราบว่า ดร.วันชัย ดนัยตโมนุท อายุ 60 ปี
กศ.บ. (ฟิสิกส์), วท.ม. (การวิจัยพฤติกรรมศาสตร์ประยุกต์), ศษ.ด.(บริหารการศึกษา)
อาจารย์ประจำวิทยาลัยการฝึกหัดครู สาขาบริหารการศึกษา หลักสูตรปริญญาโท มรภ.พระนคร
เป็นผู้ก่อเหตุยิงอาจารย์ทั้ง 2 ท่าน
แล้วยิงตนเองจนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2559 ที่โรงแรมสุภาพ กทม.
+ http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1463544579
http://www.dailynews.co.th/crime/398329
+ https://www.facebook.com/matichonweekly/photos/a.494435107250507.121360.127655640595124/1300938559933487/
+ http://news.mthai.com/hot-news/general-news/495802.html
http://www.nationtv.tv/main/content/crime/378502109/

ระบบการเสนอข่าวดอกเตอร์เสียชีวิต (itinlife553)

เหตุการณ์ที่อาจารย์ดอกเตอร์ทั้ง 3 เสียชีวิตเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2559 นั้น เหตุเกิดครั้งแรกที่ห้องสอบหัวข้อวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโทในสถาบันการศึกษา การนำเสนอข่าวครั้งแรกทำให้มีข้อสงสัยว่าปัญหานั้นเกิดจากการถกเถียงกันระหว่างกรรมการสอบที่ร่วมกันพิจารณาผลงานนักศึกษาในประเด็นที่มาของปัญหา วัตถุประสงค์ วรรณกรรมอ้างอิง กรอบแนวคิด วิธีวิทยา เครื่องมือวิจัย การเก็บข้อมูล ผลการศึกษา หรือการเขียนรายงานสรุปผลหรือไม่ หากเป็นจริงแล้วเหตุการณ์ก็จะเกิดจากความมีอัตตาในบุคลากรทางการศึกษา

หลังตำรวจพบว่าผู้ก่อเหตุและพยายามเจรจาให้จบลงด้วยดี ระหว่างนั้นก็มีการเสนอข่าวด้วยการถ่ายทอดสด ที่มีลักษณะที่เป็นการนำเสนอเนื้อหารายการที่อาจเข้าข่ายมีพฤติกรรมแสดงออกถึงความรุนแรง เป็นการถ่ายทอดสด การฆ่าตัวตาย จนมีหนังสือตักเตือนทั้งด้วยวาจา และหนังสือไปยังสื่อที่ถ่ายทอดสดว่าให้ระมัดระวัง เพราะมีผลกระทบต่อการให้เกิดความเสื่อมทรามทางจิตใจหรือสุขภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง อาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย ในมาตรา 37 หมวด 2 ของ พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 แต่ระบบและกลไกในระดับสถานีโทรทัศน์ก็ยังเป็นประเด็นคำถามว่าต้องทำอย่างไร จึงจะเหมาะสม

เนื่องจากระบบและกลไกจะถูกใช้ในเหตุการณ์ปกติ แล้วระบบและกลไกของเหตุการณ์นี้ควรเป็นแบบใด ในเมื่อเป็นเรื่องที่สังคมกำลังจับจ้อง สะท้อนความจริงของสังคม วินาทีใดระหว่างรายงานที่ควรตัดจากการถ่ายทอดสดเข้าไปในสตูดิโอ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบทำให้เกิดความเสื่อมทรามทางจิตใจหรือสุขภาพของประชาชน จุดใดที่ควรหยุดด้วยเหตุและผลเชิงวิชาชีพสื่อสารมวลชนสำหรับแต่ละสถานี มีการวิพากษ์กันมากทั้งการถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์ และจากผู้ใช้งานโซเชียลมีเดีย แล้วยังมีกรณีตัวอย่างจากภาพยนตร์เรื่อง เหยี่ยวข่าวคลั่งล่าข่าวโหด หรือ คู่อำมหิตฆ่าออกทีวี หรือกรณีของปอ ทฤษฎี เองก็มีการพูดถึงปัญหาสื่อละเมิดสิทธิ ที่ขัดต่อจรรยาบรรณ ล่าสุด กสทช. ออกหนังสือขอความร่วมมือให้สถานีโทรทัศน์ปฏิบัติตาม เพราะอาจผิดกฎหมาย และมีบทลงโทษตามมา
+ http://news.mthai.com/hot-news/social-news/496117.html

http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9590000050882

http://www.komchadluek.net/detail/20160123/221096.html

http://www.dailynews.co.th/crime/398757

http://www.dailynews.co.th/crime/398673

กรณีความขัดแย้งของน้องก้อยกับโค้ชเช

ขัดแย้ง น้อยก้อย กับ โค้ชเช
ขัดแย้ง น้อยก้อย กับ โค้ชเช
โค้ชทักษ์ ปัดอยู่เบื้องหลังชักใย
โค้ชทักษ์ ปัดอยู่เบื้องหลังชักใย

ติดตามข่าวที่ชาวไทยให้ความสนใจ ความขัดแย้งในกีฬาเทควันโด
เพราะเห็นข่าวมาเป็นตอน แต่ละตอนก็จะมีมุมมองต่างกันไป
ดูตอนเดียวแล้วสรุปไม่ได้ครับ
แต่ละตอนก็เป็นแต่ละมุมของแต่ละคน
เหมือนการตอบโต้ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในไทยช่วงต้นปี 2557
ก่อนความสงบจะเข้ามาแทนที่ความขัดแย้งโดยสิ้นเชิง

คำว่า จริยธรรม = จริย + ธรรม = ความประพฤติ + คุณความดี
ผมว่าเรื่องนี้โยงเป็นกรณีศึกษา จริยธรรม ของ ศิษย์ กับ ครูฝึกได้นะ

ข่าวนี้เกิดในกีฬาเทควันโด (Taekwondo)
ระหว่างลูกศิษย์ น้องก้อย รุ่งระวี ขุระสะ กับครูฝึก โค้ชเช ชเว ยองซอก
เป็นข้อพิพาทว่าครูฝึกสั่งสอนลูกศิษย์เกินกว่าเหตุ
ลองมาตามข่าวกันครับ ก่อนจะแสดงความคิดเห็นก็ต้องมีข้อมูลกันก่อน

1. น้องก้อยถูกกระทำ ตัดสินใจประกาศอำลาทีมชาติ
น้อยก้อยเรียกร้องให้โค้ชเชมารับผิดชอบ
ด้วยการขอโทษต่อหน้าสื่อมวลชน เพราะไม่ใช่ความผิดของก้อย
เช้า 16 ก.ค.57
http://www.youtube.com/watch?v=tTtfUDhl6yk
เช้า 17 ก.ค.57
http://www.youtube.com/watch?v=iGATqqmX9zk

2. โค้ชแม็กซ์ ชัชวาล อัดคลิปยัน น้องก้อย รุ่งระวี ไม่เตรียมตัวก่อนแข่ง
ระบุผู้เข้าแข่งต้องเตรียมความพร้อม และวอล์มร่างกายก่อนแข่ง
เช้า 17 ก.ค.57
http://www.youtube.com/watch?v=8SR4mscMtFI

3. น้องวิว แสดงความเห็นว่า โค้ชน่าจะทำเพราะต้องการกระตุ้น
ให้ดีขึ้นกว่าเดิม ถ้าแข่งแพ้หมายถึงไม่ได้แพ้คนเดียว แต่ประเทศไทยแพ้
เช้า 17 ก.ค.57
http://www.youtube.com/watch?v=HY0ZE2f0qFY

4. นายพิมล ยืนยัน โค้ชเช บอกผ่าน แม็กซ์ ไม่กลับประเทศไทยแล้ว
บอกว่าไม่เอาไอดีการ์ด ไม่เอาถุงมือมา และคำแก้ตัวไม่เป็นความจริง
เช้า 17 ก.ค.57
http://www.youtube.com/watch?v=iL4NqTFYxp8

5. โค้ชทักษ์ ปัดอยู่เบื้องหลังชักใย ก้อย รุ่งระวี แฉ โค้ชเช
http://hilight.kapook.com/view/105194
เช้า 17 ก.ค.57
http://www.youtube.com/watch?v=EooMpdbJA8s

6. เปิดใจ ‘วิว เยาวภา – เล็ก ชนาธิป’ ฮีโร่เหรียญโอลิมปิก
เย็น 17 ก.ค.57
http://www.youtube.com/watch?v=rnkuVi3Ajpo

7. โค้ชเช แจงไม่ได้ต่อยน้องก้อย
“ในขณะที่นักกีฬาฝ่ายตรงข้ามรอที่คอร์ดแล้ว แต่รุ่งระวี
ยังไม่รู้เลยว่า การแข่งขันได้เริ่มขึ้นแล้ว จนเกือบถูกจับตัดสิทธิ์”
ผมได้สั่งสอนต่อหน้านักกีฬาคนอื่น ๆ จริง
แต่จะเรียกว่าต่อยคงไม่ได้
http://www.youtube.com/watch?v=HvriW0jEUXo

ความเห็น เรื่องเห็นต่าง

teacher & student
teacher & student

ปัจจุบันครูไทย .. เลือกปฏิบัติมาได้พักหนึ่งแล้ว
กับนักเรียนแต่ละคนแตกต่างกันแล้ว
นักเรียนก็เลือกเรียนกับครูแตกต่างกันแล้ว เช่นกัน

หมายความ ..
ว่าครูไม่ได้สาดวิชา โดยไม่ดูนักเรียน ดูใกล้ชิดเลย
และนักเรียนก็ไม่ได้รอรับการสาดวิชากับอยู่อย่างเดียว
เพราะถ้าครูไม่สาด หรือสาดน้อยไป เจอเปลี่ยนที่เรียนครับ

มีข้อมูลแลกเปลี่ยน .. ดังนี้
1. นักเรียนมีหลายกลุ่ม
กลุ่มที่เปิดรับวิชาจะเลือกที่เรียนที่สาดวิชา
เช่น โรงเรียนประจำจังหวัด ที่สมัครเป็นพัน แต่รับไม่กี่ร้อย
กลุ่มที่ไม่อยากรับอะไร ก็เลือกที่เรียนที่ไม่สาดวิชา
เช่น โรงเรียนในชุมชน โรงเรียนที่ไม่ต้องสอบแข่ง
2. คุณครูมักไม่เทจนหมดหน้าตักในห้องเรียน
เพราะเงื่อนไขเยอะมาก เวลาสอนน้อยลงเยอะ
ต้องเกลี่ยไปตามกลุ่มสาระ ต้องบูรณาการ ติดงานหลวง
3. ถ้าเด็กอยากเรียนมาก ครูก็เปิดติว
พากลับไปเรียนต่อที่บ้าน จัดคอร์สพิเศษ สำหรับผู้สนใจ
4. ในแต่ละโรงเรียน มีหลายห้องตามถนัด ตามชอบ
แบ่งห้อง king queen math engl
5. โรงเรียนประจำจังหวัด
สอบเข้า ม.1 แล้ว ถ้าไม่พร้อมรับการสาดวิชา
ต้องกรองอีกตอนสอบเข้า ม.4
ถ้าไม่อยากเรียน ก็ไม่ต้องทำข้อสอบ
ไปหาโรงเรียนเบา ๆ เรียนได้ เด็กเลือกได้เสมอ

กลอนโดย กอบวิทย์ พิริยะวัฒน์
http://teacherkobwit2010.wordpress.com/

เปรียบคนถือสายยางนี้นี่คือครูเปรียบสายน้ำคือความรู้ครูสอนให้
เปรียบศิษย์กับภาชนะต่างกันไป
เปรียบให้เห็นตระหนักไว้ให้คิดกัน
หากเรามุ่งแต่สาดน้ำไปมั่วซั่ว
แม้จะทั่วแต่จะรับได้ไหมนั่น
ภาชนะแต่ละใบแตกต่างกัน
แต่ละอันมีเด่นด้อยต่างกันไป
บ้างเป็นขวดบ้างเป็นแก้วบ้างเป็นอ่าง
บ้างมีรูอยู่ข้างล่างบ้างเล็กใหญ่
บ้างคว่ำอยู่ไม่เปิดรับสิ่งอื่นใด
รับน้ำได้เท่ากันไหมลองคิดดู
เช่นเดียวกับการสอนศิษย์ของครูนั้น
เด็กต่างกันคือสิ่งที่ครูต้องรู้
ปรับการสอนให้เหมาะสมช่วยอุ้มชู
ตามศักยภาพที่มีอยู่ในตัวตน
ครูที่ดีต้องไม่ใช่สาดความรู้
ตริตรองดูสอนอย่างไรให้เห็นผล
คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล
พัฒนาจนศิษย์เก่งดีมีสุขเอย

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=808741769153811&set=a.118832161478112.15682.100000539852258
ที่มา: วรภัทร์ ภู่เจริญ. 2543.
การบริหารการเรียนรู้ที่ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ
กรุงเทพ : สำนักพิมพ์ สสท. หน้า 11

ในภาพยนตร์จำลองเหตุการณ์ในชั้นเรียน
เล่าถึงกระบวนการพิจารณาไล่นักเรียนออกจากโรงเรียน
เห็นว่าปีที่แล้วเชิญนักเรียนที่ไม่พร้อมออกไป 12 คน